บทความคริสเตียน
สิทธิอำนาจในการเทศนา
มนุษย์เทศนาได้ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่า เขาอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจ สิทธิอำนาจนี้มิได้รับมาจากตัวเขาเองแต่มาจาก
1. สิทธิอำนาจซึ่งมาจากพระเจ้า
เรา เห็นสิ่งนี้ได้ในการเทศนาของพระเยซู สิ่งที่ทำให้ประชาชนแปลกใจ และทำให้เกิดความสนใจก็คือ สิทธิอำนาจของพระเยซู ดูมัทธิว 7 : 29 “ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจหาเหมือนพวกธรรมาจารย์ของเขา ไม่ ” และในมาระโก 1 : 22 “ เขาทั้งหลายก็อัศจรรย์ด้วยการสอนของพระองค์ เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสั่งสอนเขาด้วยสิทธิอำนาจ ” พระเยซูไม่ได้มีสิทธิอำนาจโดยการอ้างสิทธิอำนาจของผู้อื่น สิทธิอำนาจอยู่ในพระองค์เอง พระองค์ตรัสจากประสบการณ์อันใกล้ชิดระหว่างพระองค์กับพระเจ้าประสบการณ์ส่วน ตัวที่ท่านมีกับพระเจ้าต่างหากที่สำคัญ ถ้าท่านจะใช้สิทธิอำนาจในฐานะนักเทศน์ ท่านต้องเป็นคน ของพระเจ้า ก่อนสิ่งอื่นใด เปาโลได้กล่าวกับทิโมธีว่า ( 1 ทมธ. 6 : 11 ) “ แต่ท่านเป็นคนของพระเจ้า ” สังเกตคำว่า “ แต่ ” เพื่อเน้นความแตกต่างจากคนอื่น หญิงชาวชูเนมพูดเกี่ยวกับเอลีชาว่า “ ดิฉันเห็นว่าชายคนนี้เป็น คนบริสุทธิ์ของพระเจ้า เดินผ่านบ้านเราอยู่เนืองๆ ท่านมีสิทธิอำนาจอยู่กับท่าน เพราะว่าท่านได้อยู่กับพระเจ้าและมากับพระเจ้า ” ที่ธรรมาสก์คนฟังสามารถสัมผัสได้ว่า เรามาจากพระเจ้าหรือไม่ Hume ซึ่งเป็นคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าพูดกับนักเทศน์คนหนึ่งว่า “คนนั้นเทศนาอย่างกับพระเยซูอยู่เบื้องหน้าเขา”
2. ระวังสิ่งมาทดแทน
บ่อย ครั้งเราสับสน เมื่อผู้เทศนาใช้ความก้าวร้าว และความฉลาดของตนมาทดแทน ที่ธรรมาสก์ บางทีนักเทศน์สับสนเกี่ยวกับการใช้สิทธิอำนาจของตนเองมาดึงดูด หรือใช้บุคลิกภาพที่ดีหรือกับความสามารถในการพูด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทดแทนสิทธิอำนาจที่แท้จริง นักเทศน์บางคนหาทางที่จะเพิ่มสิทธิอำนาจของตัวเอง เราต้องพูดเหมือนกับนายร้อยในลูกาบทที่ 7 ที่พูดกับพระเยซูว่า “ ข้าพเจ้าเองอยู่ภายใต้วินัย ( สิทธิอำนาจ ) ” ผู้ที่เทศนาได้ต้องรู้จัก สิทธิอำนาจที่เกิดจากการอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจของอีกคนหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นสิทธิอำนาจของนักเทศน์มาจาก
3. การทรงเรียกที่ชัดเจนจากพระเจ้า
ดู ในฮีบรู 5 : 4 “ และไม่มีผู้ใดตั้งตนเองเป็นปุโรหิตย์ได้ แต่พระเจ้าทรงเรียกเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน ” ไม่มีผู้ใดแต่งตั้งตัวเอง เพื่อทำพันธกิจของพระวจนะของพระเจ้าได้ Dr. Tozer กล่าวว่า “ มีหลายวิธีที่คริสเตียนจะได้เทศนา แต่มีทางเดียว เท่านั้นที่จะเข้าสู่การรับใช้ ” มีนักเทศน์ที่ตั้งตัวเองมากเกินไป สังเกตคำว่าไม่พอพระทัยของพระเจ้าในเยเรมีย์ 23 : 21 “ เรามิได้ใช้ผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น แต่เขาทั้งหลายยังวิ่งไป เราไม่ได้พูดกับเขาทั้งหลาย แต่เขาทั้งหลายยังเผยพระวจนะ ” ไม่มีผู้ใดแต่งตั้งตัวเองหรือมีผู้อื่นแต่งตั้งตัวท่านได้ มนุษย์ทำได้แต่เพียงรัยรู้และยืนยันว่าได้รับการเจิม จากพระเจ้าเกิดขึ้นแล้ว บางทีจะมีคนสงสัยสิทธิอำนาจของเรา และหาหนทางที่จะทำให้เราท้อใจ อย่าลืมว่าในจดหมายถึงคริสตจักรทั้ง 7 เรียกผู้รับใช้แต่ละแห่งว่าเป็น ดาว
วิวรณ์ 2 :1 “ พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวา ” พระคริสต์ ทรงยกผู้รับใช้ที่แท้ขึ้นและจุดพวกเขาให้สว่าง นี่คือสิทธิอำนาจของข้าพเจ้า ไม่ใช่เพราะว่า “ ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนี้แต่เพราะว่า ข้าพเจ้าถูกยกขึ้นและยึดไว้โดยพระเจ้า ”
4. สิทธิอำนาจอยู่ที่เรื่องเทศน์
สิทธิ อำนาจไม่ได้เป็นของนักเทศน์ แต่เป็นของความจริงที่เขาเทศน์ นักเทศน์คริสเตียนอยู่ใต้สิทธิอำนาจของพระคำ ผู้ซึ่งกระตือรือร้นและรักพระคำคนหนึ่ง ได้กล่าวกับศาสตราจารย์ Schatter ว่า “ ข้าพเจ้าไม่ได้ยืน อยู่เหนือพระคำ ของพระเจ้า แต่ยืนอยู่ใต้พระคำต่างหาก ” การยืนอยู่ใต้พระคำคือ การยอมรับสิทธิอำนาจที่เป็นเอกลักษณ์ของพระคำใน 2 ทิโมธี 3 :16 กล่าวว่า “ พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า ” พระคัมภีร์แตกต่างจากหนังสือทั้งสิ้น เพราะว่าเป็นการสำแดงจากพระเจ้า นี่คือสิทธิอำนาจของนักเทศน์ที่เราต้องประกาศ พระเจ้าตรัสว่า“ นี่ทำให้บางครั้งการเทศนาไม่น่าชื่นใจ ”
ท่านไม่สามารถเทศนาเฉพาะสิ่งที่ ท่านและสมาชิกชอบเท่านั้น พระเจ้าตรัสสั่งนักเทศน์ที่แท้ทุกคนอย่างที่พระองค์ตรัสกับโยนาห์ว่า ( โยนาห์ 3 : 2 ) “ ไป.....และประกาศ....ตามที่เราได้บอกเจ้า ” สมาชิกบางคนอาจจะต่อว่าท่าน เพราะสิ่งที่ท่านเทศน์ทำให้พวกเขาไม่ชอบ แต่ถ้าคำเทศนานั้นเป็นของแท้มาจากพระเจ้า ท่านก็เป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์เท่านั้น ไม่มีใครคิดที่จะเอาเรื่องบุรุษไปรษณีย์ ถ้าเขาไม่ชอบสิ่งที่ได้รับทางไปรษณีย์ เขาเพียงแต่ทำหน้าที่ของเขาเท่านั้น
5. สิทธิอำนาจนี้ไม่เป็นที่ยอมรับเสมอไป
เย เรมีย์มีสิทธิอำนาจนี้ แต่ถูกปฏิเสธโดยคนร่วมสมัยกับเขา การเทศนาของเราอาจจะไม่เกิดผลในทันที แต่ถ้าเป็นมาจากพระเจ้าคนจะรู้ พระคำที่เขียนไว้นำเราสัมผัสกับพระคำ ( พระวาทะ ) ที่ทรงพระชนม์อยู่ นี่คือสิ่งที่ต้องการมากในคริสตจักรทุกวันนี้ ชายหญิงผู้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของพระคำยอมฟังสิทธิอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอขอบคุณ บทความจาก www.jaisamarns.com